วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร คู่เดือด

  

เรื่องย่อละคร คู่เดือด

คู่เดือด ละครคู่เดือด ละครช่อง3

ละครคู่เดือด บทประพันธ์โดย : ปิ่นเพชร
ละครคู่เดือด บทโทรทัศน์โดย : สถาพร  สุชาติ
ละครคู่เดือด กำกับโดย : วีระชัย  รุ่งเรือง
ละครคู่เดือด ออกอากาศทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

 เรื่องย่อคู่เดือด

          น้ำ งาม อำเภอชายแดนทางภาคเหนือของประเทศ ดินแดนบริสุทธิ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ผู้คนที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ดินแดนที่มีแม่น้ำสายใหญ่กั้นเขตแดนระหว่างเพื่อนบ้านอีกสองประเทศต่างคบค้า สมาคมกันฉันพี่น้องมาเนิ่นนาน ในหมู่บ้านมีวัดถ้าผาน้ำไหลที่เป็นวัดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ และมีเด็กชายดำตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ถูกสายใจแม่บังเกิดเกล้ามาทิ้งไว้ให้หลวงพ่อสิงโตที่เป็นเจ้า อาวาสเลี้ยงก่อนจะหนีไปอยู่กับสามีใหม่ หลวงพ่อสิงโตเลี้ยงให้ดำเติบโตมาด้วยความไม่บกพร่องทางจิตใจ พร้อมกับสอนศิลปะป้องกันตัวไม่ว่าจะเป็นมวยไทยกระบี่กระบอง ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อมีติตัวมาตั้งแต่ยังไม่บวชได้ถูกถ่ายทอดให้ดำจนหมด

          ดำเติบโตมาด้วยความอบอุ่นจนกระทั่งการมาของขาว! ขาวเป็นเด็กทารกที่ถูกนำมาวางอยู่หน้ากุฏิถูกมดรุมกัดจนเป็นแผลทั้งตัวหลวง พ่อเห็นเข้าจึงช่วยเหลือให้เด็กคนนี้มีชีวิตอยู่ หลวงตาตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า ขาว เพราะตั้งใจจะให้คล้องกับดำเพื่อโตขึ้นให้เด็กสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน

          เด็กชายดำกับขาวรักกันเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดกันจริง ๆ ดำโตขึ้นมาเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่น ว่านอนสอนง่าย ต่างจากขาวที่เป็นคนใจร้อนอยู่บ้าง ในวัดจะเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นที่ลูกหลานของชาวบ้านโดยรอบจะเข้ามาเล่นกัน ทำให้ดำกับขาวเป็นเพื่อนสนิทกับแก้วและบัว เด็กหญิงชาวบ้านที่เข้ามาเล่นที่วัดทุกวัน แก้วเป็นสาวจอมแก่นที่ชอบเข้ามาเล่นในวัด เห็นดำฝึกศิลปะป้องกันตัวเลยขอหลวงพ่อฝึกบ้าง แก้วจึงกลายเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เรียนศิลปะป้องกันตัว

          เวลาผ่านไปทำให้ความรักจากเพื่อนกลายเป็นความรักหนุ่มสาว ขาวแอบหลงรักแก้ว แต่แก้วกลับชอบดำมากกว่า ดำรู้ว่าขาวชอบแก้วจึงทำตัวห่าง แก้วพยายามเข้าใกล้ดำจนทำให้ขาวเข้าใจผิดเกิดการชกต่อยกัน หลวงพ่อจึงต้องทำโทษให้ไปทำสมาธิในถ้ำ แต่ก็ไม่วายที่ขาวโมโหดำอยู่จึงลุกขึ้นเตะ โชคดีที่หลวงพ่อเข้ามาห้าวขาวไว้ทัน

          ขาวขอหลวงพ่อเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หลวงพ่อได้พาขาวมาฝากไว้กับวัดของพระผู้ใหญ่ที่นับถือในกรุงเทพฯ ขาวได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง ขาวมักจะกลับมาเยี่ยมหลวงพ่อเพราะความรัก แต่การกลับมาในแต่ละครั้งขาวก็มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับดำ หลวงพ่อสิงโตกับดำถึงแม้ว่าจะยุ่งกับการช่วยเหลือชาวบ้านแต่ทั้งคู่ก็เฝ้ารอ การกลับมาของขาวด้วยความเป็นห่วง

          เวลา ผ่านไปครึ่งปีขาวไม่ได้กลับไปที่วัดเลยจนดำสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แต่ก็ยอม สละสิทธิ์เพราะเป็นห่วงหลวงพ่อ เขายอมเรียนรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเปิดเพื่อที่จะดูแลหลวงพ่อ ตั้งแต่ขาวเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ขาวก็ตั้งใจเรียนจนวันหนึ่งไปเจอบึมที่ถูกจิ๊กโก๋ทำร้าย ขาวจึงเข้าไปช่วยและกลายเป็นเพื่อนสนิทกันและชวนขาวไปทำงานร้านอาหารแห่ง หนึ่ง แต่เข็มทิศในความตั้งใจเอาดีของขาวต้องเปลี่ยนเมื่อวันหนึ่งบึมชวนขาวไปดู การแข่งรถประลองความเร็ว และถูกท้าประลอง ขาวโค่นบัลลังค์แชมป์ ของตี๋ได้ในครั้งแรก จากนั้นขาวและตี๋รวมทีมกันออกแข่งทุกค่ำคืนทำให้ขาวห่างจากการเรียนไปทุกที

          คืนหนึ่งกุ๊กใหญ่ของร้านเกิดป่วยกะทันหัน ทำให้ขาวสวมบทพ่อครัวแทน ทำให้ขาวได้เจอกับเคที่ ลูกสาวคนเดียวของ เสี่ยพิทักษ์ เศรษฐีจอมอิทธิพลในคราบนักพัฒนา เข้ามาทานอาหารกับเพื่อนสาว เคที่ไม่พอใจรสชาติอาหารของร้านจึงต่อว่าเจ้าของร้านอย่างไม่ไว้หน้า ขาวแอบมองก่อนที่จะเข้าไปรับผิดชอบ เคที่ไม่ฟังและยังขู่ขาว เมื่อเคที่ขับรถกลับบ้านเธอกับเพื่อนสาวถูกดักปล้น บังเอิญขาวขับรถผ่านไปเจอจึงช่วยเธอและได้รับบาดเจ็บ ทำให้เคที่หลงรักผู้ชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว จากนั้นขาวก็เริ่มสนิทกับเคที่จนเรื่องนี้เข้าถึงหูเสี่ยพิทักษ์และไม่พอใจ กับประวัติของขาวที่เป็นเด็กวัดมาก่อน จึงส่ง เจษ ลูกน้องคนสนิทไปทำร้ายขาวแต่ก็ต้องยอมรับในฝีมือของขาวที่ไม่ธรรมดา

          ที่อำเภอน้ำงามหลวงพ่อถูกรอบยิงจากแม่เลี้ยงอุ้มคำ นายทุนหน้าเลือดแต่ก็ไม่เป็นอะไรเพราะไม้พะพดที่ท่านถือช่วยท่านไว้ เรื่องถึงหูนายทุนทำให้ยิ่งโกรธแค้นมาก หกเดือนผ่านไปขาวไม่ได้ส่งข่าวกลับมาที่วัดเลย ทำให้หลวงพ่อเป็นห่วง หวงพ่อและดำเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยความเป็นห่วง หลวงพ่อสิงโตตกใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก ภาพของขาว เด็กน้อยที่หลวงพ่อเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ตอนนี้กำลังจะท้าทายมัจจุราชอยู่ตรงหน้า ขาวสบตากับหลวงพ่อสิงโตนิ่งเหมือนจะวัดใจกัน ก่อนขาวตัดสินใจออกรถอย่างแรงจนเฉียดจีวรของหลวงพ่อสิงโตไปนิดเดียว ดำและหลวงพ่อสิงโตพยายามพูดให้ขาวกลับไปอยู่ที่น้ำงามด้วยกัน แต่ขาวยืนยันจะใช้ชีวิตที่กรุเทพฯ ขาวประลองความเร็วอีกครั้ง ตี๋กระเด็นลอยคว้างร่างฟาดกับพื้นถนนสิ้นใจคาที่ ขาว ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นจึงตัดสินใจไม่กลับไปน้ำงาม และที่สำคัญถ้าขาวกลับไปตอนนี้ เท่ากับเป็นการพ่ายแพ้ต่อดำอย่างสิ้นเชิงซึ่งเขายอมไม่ได้

          เวลาผ่านไป ดำเรียนจบคณะรัฐศาสตร์อย่างรวดเร็ว แก้วเข้าไปเรียนนายร้อยตำรวจหญิงจบในเวลาไล่เลี่ย ขณะที่บัวสาวน้อยผู้น่าสงสาร เรียนจบแค่ชั้นมัธยม ขาวยังเวียนว่ายอยู่กับเพื่อนฝูงกลุ่มเดิม เสี่ยพิทักษ์เห็นว่าเมื่อห้ามลูกสาวไม่ให้คบกับขาวไม่ได้ก็เอามาใช้งานซะเลย เสี่ยพิทักษ์ให้ขาวกับบึมมาช่วยงานมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือและให้โอกาสคนใน สังคม ขาวดีใจมากที่ได้โอกาสกลับไปพัฒนาท้องถิ่นเกิดอย่างตั้งใจ โดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังถูกหลอกใช้

          เสี่ยพิทักษ์พร้อมเคที่เดินทางขึ้นมาดูกิจกรรมของตนด้วยตัวเอง เสี่ยพิทักษ์ได้พบกับแม่เลี้ยงอุ้มคำ ทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอ ดำกับหลวงพ่อสิงโตเริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลของเสี่ยพิทักษ์มากขึ้นทุกที บัวสูญเสียที่ดินของพ่อแม่เพราะถูกแม่เลี้ยงอุ้มคำยึดและเอาที่ดินไปขาย บัวได้แอบไปสมัครทำงานที่โครงการของเสี่ยพิทักษ์ โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังบินเข้าหากองไฟ

          ดำ แก้ว หมวดจีรายุส ช่วยกันใช้ความคิดที่จะเปิดโปงความลับของ ศูนย์หัตถกรรมพิทักษ์ไทย โดยขอร้องให้บัวช่วยเป็นสายสืบให้ แม่เลี้ยงอุ้มคำมีหน้าที่หาสาวรุ่นชาวบ้านหน้าใส ๆ ส่งให้เสี่ยพิทักษ์ ดำดูแลแก้วอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางมรสุมศรัทธาที่ชาวบ้านมีให้ลดลง แต่ก็ทำให้ทั้งสองคนรู้ถึงหัวใจรักที่มีให้กันมากขึ้น

          ขาว แอบเข้าไปในชั้นใต้ดินแล้วเขาต้องตะลึงเมื่อพบความจริงทุกอย่าง ทั้งบ่อนการพนัน ยาเสพติด และบัวที่ถูกจับขังรวม เสี่ยพิทักษ์ เห็นว่าโครงการ คืนชีวิตให้แผ่นดิน แข็งแรงขึ้นทุกวัน เขาจึงตั้งใจนำกำลังมาถล่มให้สิ้นซาก แปลงนาสาธิตที่กำลังรอการเกี่ยวถูกลอบวางเพลิงเผาวอดวาย เสี่ยพิทักษ์เห็นว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง ถ้าหลวงพ่อสิงโตซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านจบชีวิต เสี่ยพิทักษ์จึงยิงหลวงพ่อสิงโตจนล้มทั้งยืน หลวงพ่อสิงโตพูดทั้งลมหายใจรวยริน หลวงพ่อสิงโตเอื้อมมือไปจับมือดำกับขาวมาประกบกันเพื่อเป็นสัญญาว่าต่อไปจะ ไม่แตกแยกกันอีก ทั้งดำและขาวรับคำก่อนหลวงพ่อสิงโตจะสิ้นใจตาย ขาวขอบคุณและขอโทษดำ ทั้งสองคนกลับมาเข้าใจกันเช่นเดิมด้วยสายใยของความรักของพี่น้องสายเลือด ดำกับขาวผนึกกำลังกันต่อสู้กับพวกของเสี่ยพิทักษ์ เสี่ยพิทักษ์ถูกดำปลิดชีพลง ขณะที่เคที่เห็นท่าไม่ดีหนีขึ้นรถบรรทุกโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของ เธอกำลังรออยู่

          สองปีผ่านไป ดำได้กลับเข้ามารับราชการเป็นปลัดอำเภอน้ำงามตามเดิม ดำกำลังจะแต่งงานกับแก้วหญิงสาวที่เขารัก ขาวที่ยอมรับโทษในคุกได้ทำประโยชน์ในคุกจนเป็นนักโทษชั้นดีและถูกอภัยโทษออก มา ดำกับขาวใช้ความรู้และคำสอนของหลวงพ่อสิงโตในเรื่องความรักสามัคคีมาเป็นแนว ทางและปลูกฝังให้กับคนรุ่น ๆ ต่อไป ติดตามชม ละครคู่เดือด ได้ทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครคู่เดือด เริ่มตอนแรก วันจันทร์ที่ 29 พฤจิกายน 2553

รายชื่อนักแสดงนำในละคร คู่เดือด

ณัฐวุฒิ  สกิดใจ   รับบทเป็น   ดำ   ในละคร คู่เดือด
อธิชาติ  ชุมนานนท์   รับบทเป็น   ขาว   ในละคร คู่เดือด
พรชิตา  ณ สงขลา   รับบทเป็น   แก้วตา   ในละคร คู่เดือด
รัชวิน  วงศ์วิริยะ   รับบทเป็น   บัว   ในละคร คู่เดือด
สรพงศ์  ชาตรี   รับบทเป็น   หลวงพ่อสิงโต   ในละคร คู่เดือด
พิษณุ  นิ่มสกุล   รับบทเป็น   เจษ   ในละคร คู่เดือด
ศุภักษร  ไชยมงคล   รับบทเป็น   เคที่   ในละคร คู่เดือด
เพ็ญเพ็ชร  เพ็ญกุล   รับบทเป็น   ร.ต.อ. จีรายุส   ในละคร คู่เดือด
รอน  บรรจงสร้าง   รับบทเป็น   เสี่ยพิทักษ์   ในละคร คู่เดือด
ทัศน์วรรณ  เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา   รับบทเป็น   แม่เลี้ยงอุ้มคำ   ในละคร คู่เดือด
ธิตินันท์  สุวรรณศักดิ์   รับบทเป็น   พ.ต.อ.สุจริต   ในละคร คู่เดือด
อติเทพ  ชดช้อย   รับบทเป็น   บึม   ในละคร คู่เดือด
เขาทราย  แกแล็คซี่   รับบทเป็น   หลวงพี่ฉิม   ในละคร คู่เดือด
และนักแสดงอีกมากมายในละคร คู่เดือด



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องย่อละคร มงกุฎดอกส้ม

 

เรื่องย่อละคร มงกุฎดอกส้ม


มงกุฎดอกส้ม  ละครมงกุฎดอกส้ม ละครช่อง3

ละครมงกุฏดอกส้ม บทประพันธ์โดย : ถ่ายเถา สุจริตกุล
ละครมงกุฏดอกส้ม บทโทรทัศน์โดย : ศัลยา
ละครมงกุฏดอกส้ม กำกับฯ โดย : โชติรัตน์ รักษ์เริ่มวงษ์
ละครมงกุฏดอกส้ม ควบคุมการผลิตโดย : อรุโณชา ภาณุพันธุ์
ละครมงกุฏดอกส้ม ผลิตโดย : ค่าย บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น
ละครมงกุฏดอกส้ม ออกอากาศทุกวัน พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

เรื่องย่อมงกุฎดอกส้ม

          คำ แก้ว สาวน้อยเมืองเหนือ วัยประมาณ 15 ปี บอบบางแลดูน่าสงสาร เธอมีความฝันสวยงามเฉกเช่นเด็กสาวทั่วไปในรั้วคอนแวนต์ นั่นคือการสวมชุดวิวาห์ที่ขาวสะอาด ฟูฟ่อง แลดูบริสุทธิ์ราวกับเจ้าหญิงน้อย ๆ ในเทพนิยาย และดอกส้มคือดอกไม้ที่คำแก้วรักมากที่สุด เธอปรารถนาและรอคอยมาชั่วชีวิตที่จะได้นำมันมาร้อยเป็นมงกุฎและสวมใส่ในวัน แต่งงาน อนิจจา...ความจริงและความฝันช่างห่างไกลกันลิบลับนัก เมื่อเธอต้องถูกส่งมาเป็นภรรยาน้อยของเจ้าสัวชราท่านหนึ่งแห่งย่านภาษีเจริญ ภายหลังการเสียชีวิตของบิดาเนื่องจากหนี้สินที่มากมาย และมารดาเลี้ยงของเธอไม่ปรารถนาจะเลี้ยงดูเธออีกต่อไป

          เจ้าสัวเชงสือเกียง คือว่าที่สามีของคำแก้ว มาบัดนี้เขามีอายุประมาณ 60 ปีแล้ว แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการหาภรรยาเล็กๆ เพื่อเสริมบารมีของท่านเจ้าสัวลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามท่านกลับพออกพอใจยิ่งนักที่สามารถสรรหาภรรยาเด็กขนาดคำแก้วได้ ท่านเจ้าสัวรอคอยวันที่เขาจะได้ครอบครองความงามและความบริสุทธิ์นี้อย่างใจ จดจ่อ

          คำแก้วเดินทางมาถึงยังคฤหาสน์ใหญ่สีแดงเก่าคลาคล่ำแห่งคลองภาษีเจริญอย่าง เงียบเชียบ โดยที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า บัดนี้คุณนายที่สี่หรือภรรยาคนใหม่ของท่านเจ้าสัวได้เดินทางมาถึงแล้ว เนื่องจากท่านเจ้าสัวรู้ดีว่าการหาภรรยาเล็ก ๆ เพื่อมาเสริมบารมีในวัยขนาดนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่ไม่ใช่น้อย ท่านจึงเลือกที่จะไม่บอกกล่าวใครเพื่อไม่ให้เป็นการตะขิดตะขวงใจเสียเปล่า ๆ เมื่อมาถึงคำแก้วได้ กิมลั้ง เด็กสาวชาวจีนท่าทางแก่นแก้วและซุกซนไม่เกรงกลัวใคร ให้มาเป็นต้นห้องคอยรับใช้เธอ

          แต่การพบกันครั้งแรกระหว่างคำแก้วและกิมลั้งนั้นไม่เป็นที่น่าประทับใจสัก เท่าไรนัก เมื่อกิมลั้งเองก็รู้สึกได้ว่า คุณนายคนใหม่นั้นแลดูสวยงามและเยือกเย็นก็จริง หากแต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่เห็นภายนอกเท่านั้น แท้จริงแล้วเธอซ่อนความอำมหิตและร้ายกาจอยู่ภายใต้ท่าทีที่เรียบเฉยนี้เลยที เดียว กิมลั้งเกลียดคุณนายคนใหม่ เธอมีความฝันและความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อยทีเดียว เมื่อเธอหวังที่จะเป็นคุณนายที่สี่แห่งอาณาจักรตระกูลเชงแห่งนี้ ความมือไวใจเร็วของท่านเจ้าสัวที่ผ่านมาทำให้กิมลั้งย่ามใจและใฝ่ฝันจะเป็น คุณนายใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสุขสบาย เธอเกลียดคุณนายคนใหม่ที่มาแย่งตำแหน่งของเธอ ส่วนคำแก้วเองก็รู้สึกเกลียดชังเด็กสาวที่ช่างต่อล้อต่อเถียง ชอบซุบซิบนินทา แถมยังมีท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อเธอยิ่งนัก

          ท่านเจ้าสัวพาเธอไปแนะนำตัวต่อภรรยาทั้งสามคนซึ่งอยู่ที่นี่มานานแสนนาน เม่งฮวย ภรรยาชาวจีนคนแรกของท่านเจ้าสัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา บัดนี้เธอกลายเป็นเพียงหญิงที่ไร้เสน่ห์ในสายตาของสามี หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านท่านเจ้าสัวก็ให้เกียรติเธอเป็นผู้ดูแลบริหาร และจัดการเรื่องผลประโยชน์ รายรับรายจ่ายและเป็นผู้ที่คอยควบคุมดูแลบริวารทุกคน อำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างจึงเป็นของเม่งฮวย โดยที่ท่านเจ้าสัวไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่มาร่วมหลับนอนกับเธอเฉกเช่นสามีภรรยาทั่วไปอีกด้วย เม่งฮวยต้อนรับคำแก้วตามหน้าที่ทั้ง ๆ ที่ในใจลึก ๆ แล้ว เธอไม่เห็นด้วยเลยที่ท่านเจ้าสัวมีภรรยาเพิ่มและอายุน้อยถึงเพียงนี้

          เย นหลิง คือภรรยาคนที่สองของท่านเจ้าสัว ท่านเจอเธอเมื่อเดินทางไปติดต่อการค้าที่สิงคโปร์ในฐานะหลานสาวท่านทูต แต่ไม่มีใครที่ล่วงรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้เป็นหลานสาวท่านทูต โดยสายเลือด หากแต่เป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านที่ทำงานให้แก่ท่านทูตเท่านั้น ความน่ารักสวยงามบวกความฉลาดเฉลียวและทะเยอทะยาน ทำให้เยนหลิงสามารถจดจำและเลียนแบบมารยาทสมบัติผู้ดีได้ทุกประการ และเมื่อวันเวลาผ่านไปเธอก็สามารถเลื่อนฐานะกลายเป็นหลานสาวท่านทูตได้อย่าง แนบเนียน และด้วยความทะเยอทะยานนี้เอง ทำให้เธอกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าสัวเชงสือเกียงภายในระยะ เวลาที่ไม่นานนัก เยนหลิงแสดงท่าทีต้อนรับคำแก้วอย่างอบอุ่นแม้ว่าหางตาจะแอบแสดงความอิจฉา ริษยาและความดุร้ายออกมาบ้าง แต่เธอก็พยายามซ่อนมันไว้ภายใต้ท่าทีที่เรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารักตามแบบฉบับของเธอ

          เหม่เกว่ หรือ โรส คุณนายนางเอกคณะอุปรากรจีน เธอเป็นคนที่สวยที่สุดในบรรดาภรรยาทั้งหมดของท่านเจ้าสัว ยามว่างเธอมักชอบร้องเพลงและร่ายรำอยู่เสมอ ๆ ท่าทางที่ร่าเริงดั่งนกตัวน้อย ๆ มารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียนที่สรรหามาใช้ ทำให้โรสเป็นที่โปรดปรานของท่านเจ้าสัวยิ่งนัก ซึ่งสร้างความอิจฉาให้แก่บรรดาภรรยาคนอื่น ๆ ของท่านเจ้าสัวอย่างยิ่ง คำแก้วขออนุญาตท่านเจ้าสัวไปพบโรสด้วยตัวเธอเอง หากแต่โรสไม่ยอมออกมาพบบอกแต่เพียงว่าไม่สบายให้เธอกลับไปก่อน คำแก้วกลับมาที่ห้องของเธอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ กับคนที่นี่ ทุกคนเป็นเช่นไรไม่มีใครล่วงรู้ได้ ทุกอย่างยากแท้แก่การหยั่งถึงความจริงใจที่อยู่เบื้องลึกยิ่งนัก

          คืนแรกของการเข้าหอ คำแก้วไม่ได้มีความรู้สึกอิ่มเอมในความรักหรือความสุขสมหวังใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อสามีของเธอคืกนกกระยางแก่คนหนึ่งในความรู้สึกเท่านั้น กลางดึกในคืนวันนั้นเองท่านเจ้าสัวก็จำต้องรีบจากภรรยาคนล่าสุดของท่านไป เนื่องด้วยโรสไม่สบาย ไม่มีใครรู้ว่าโรสป่วยเป็นอะไร แต่สิ่งที่แท้จริงคือท่านเจ้าสัวก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องคำแก้วอีกเลยตลอดค่ำ คืนนั้น คำแก้วเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อต้องอยู่คนเดียว เธอใช้เวลาในขณะนั้นเพื่อนึกถึงบ้านที่เชียงดาว ไร่ส้ม และบิดาของเธอ ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตและความทรงจำที่มีค่า มีความสุข และไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกเลย

          ชีวิตในแต่ละวันของคำแก้วดำเนินไปอย่างช้า ๆ และน่าเบื่อหน่าย เธอเริ่มเล็งเห็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ความร่ำรวยและอาณาจักรที่ใหญ่โตของตระกูลเชงแห่งนี้ เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดดำหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ปริศนาบ่อน้ำหลังบ้านที่ดูรกร้างและเย็นเยียบ บ่อซึ่งใคร ๆ ต่างเรียกขานว่ามันคือบ่อนรก หญิงสาวกี่คนที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในบ่อร้างนั่น ความอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างภรรยาทั้งสามคนของท่านเจ้าสัว เป็นสิ่งที่เธอเริ่มเบื่อหน่าย ทำให้เธอต้องคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

          โรสหรือคุณนายที่สาม หญิงสาวที่ร่าเริงดังนกน้อยอยู่ตลอดเวลา เธอเริ่มแวะเวียนมาเป็นเพื่อนคุยของคำแก้วอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะมีทีท่าแปลกในตอนแรกก็ตาม โรสคุยได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องบนเตียงซึ่งทำให้คำแก้วรู้สึกกระดากอยู่ไม่ ใช่น้อย ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ต่าง ๆ ในบ้านที่ต้องแข่งขันกับภรรยาต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัว คู่อาฆาตที่สำคัญของโรสหาใช่ใครอื่นคือ เยนหลิงสตรีหน้าเนื้อใจเสือคนนั้นนั่นเอง เธอแข่งมีลูกกับโรส และแล้วโรสก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อเธอมีลูกชายและคลอดออกมาก่อนลูกสาวเยนหลิง ทั้งที่เยนหลิงให้หมอใช้คีมดึงเด็กออกมาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นผล โรสหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างภาคภูมิใจในชัยชนะของตนเอง ในขณะที่คำแก้วรู้สึกสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

          เยนหลิงคืออีกคนที่พยายามสร้างความสนิทสนมกับคำแก้วตลอดเวลา บ่ายจัดวันหนึ่งเยนหลิงต้องการให้คำแก้วเป็นผู้ตัดผมให้แก่เธอ แม้ว่าคำแก้วจะปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าเธอไม่มีความถนัดในเรื่องนี้เลย และแล้วก็เกิดเหตุขึ้นเมื่อกรรไกรคมกริบได้ตัดใบหูของเยนหลิงเข้าโดยบังเอิญ เสียงร้องโอดโอยปนกับเสียงด่าทอได้ดังขึ้นก้องอาณาจักรตระกูลเชง คำแก้วหน้าซีดเผือด เธอหลบเข้าไปในห้องและอยู่ที่นั่นตลอดบ่ายโดยที่ไม่กล้าออกมาอีกเลย แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างความสะใจและสาสมใจให้แก่โรสและเม่งฮวยยิ่งนัก สองคุณนายหัวเราะอย่างสะใจที่มีใครสักคนสามารถจัดการนังคุณนายที่สองจอมยิ่ง ผยองได้

          วันที่เก้า เดือนเก้า เป็นวันที่คารวะญาติอาวุโสตามธรรมเนียมจีนโบราณ วันนั้นเป็นวันแรกที่คำแก้วได้มีโอกาสพบกับ คุณชายใหญ่ หรือ คุณก้องเกียรติ เจนพาณิชย์สกุล บุตรชายคนโตของเม่งฮวย เมื่อแรกที่ได้พบหน้าก้องเกียรติรู้สึกถึงความผูกพัน ความสงสาร และความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขามีให้แก่แม่เลี้ยงสาวของเขาเอง ซึ่งคำแก้วเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกันนัก คุณชายใหญ่ไม่ได้พักที่นี่หากแต่มีบ้านส่วนตัวอยู่ที่สาธร โดยท่านเจ้าสัวมอบกิจการทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ดูแล จัดการบริหารงานทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านเจ้าสัวก็มาใช้ชีวิตส่วนตัวของท่านอย่างมีความสุขที่คฤหาสน์แดงริม คลองภาษีเจริญแห่งนี้ คำแก้วได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณชายใหญ่บ้างตามโอกาส ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน คำแก้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่มีเขาคอยเป็นเพื่อน ทำให้ความรู้สึกเธอในการอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เริ่มดีขึ้น ก้องเกียรติชอบเป่าขลุ่ยและนั่นเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่เธอชอบเช่นกัน เขาสัญญาว่าจะหาครูมาสอนให้เธอ คำแก้วดีใจมาก อย่างน้อยชีวิตของเธอก็ไม่น่าเบื่อ ว่างเปล่า และเหงาหงอยจนเกินไปนัก

          เรืองยศ เพื่อนสนิทของก้องเกียรติ หนุ่มหน้าสวยราวกับอิสตรีก็ไม่ปานคือครูสอนดนตรีของคำแก้ว เขาลอบมองพฤติกรรมระหว่างเรืองยศและคำแก้วบ่อยครั้งอย่างไม่สบายใจนัก ไม่มีใครรู้ว่าหนุ่มหน้าสวยเพื่อนสนิทของก้องเกียรติคนนี้จะมีความรักที่ผิด วิสัยธรรมชาติตามครรลองที่ถูกที่ควร เขามีจิตฝักใฝ่เสน่หาก้องเกียรติยิ่งนัก แต่แล้ววันหนึ่งเรืองยศกลับบอกความจริงแก่คำแก้วว่า แท้จริงแล้วก้องเกียรติแอบมีใจให้เธอ มันคือความจริงที่ทำให้คำแก้วมีความสุขและความทุกข์ไปได้ในขณะเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าความรักนี้เป็นความรักต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นไปได้อย่างมิต้อง สงสัย เรืองยศลอบมองความทุกข์ระทมของคำแก้วอย่างสาสมใจ

          วันที่เจ็ดเดือนสิบสอง คืองานฉลองครบรอบวันเกิดของท่านเจ้าสัวอายุครบ 65 ปี บรรดาคุณนายต่าง ๆ ของท่านเจ้าสัวประชันการแต่งตัวกันอย่างเอิกเกริก มีเพียงคำแก้วเท่านั้นที่แต่งตัวแบบไทย ๆ สร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ในงานเต็มไปด้วยเสียงอ่อนหวาน หัวร่อต่อกระซิกตลอดเวลาระหว่างท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทั้งหลาย คำแก้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพมายาจอมปลอมเหล่านี้เต็มที คำแก้วคิดจะหลบหน้าผู้คนเพื่อไปพักผ่อน แต่เหตุการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได

          เมื่อ คุณชายเล็ก หรือ คุณเกียรติกร กับ คุณหนูกรรณิการ์ บุตรสาวคนสุดท้อง ซึ่งเป็นลูกชายของโรสและลูกสาวของเยนหลิง วิ่งไล่จับจนชนแจกันใบงามหล่นลงมาตกแตก สองพี่น้องทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เม่งฮวยถลันมาตบหน้าลูกเลี้ยงทั้งสองพร้อมทั้งดุด่าอย่างหยาบคาย ร้อนถึงมารดาของเด็กทั้งสองต้องเข้ามาห้ามทัพ บรรดาคุณนายทั้งสามจึงเริ่มด่าทอและทะเลาะกันอย่างรุนแรง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก คำแก้วเริ่มรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่าย เธอจึงพูดเปรย ๆ ขึ้นมาว่ามันไม่น่าเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตขนาดนั้นก็แค่แจกันใบเดียว คุณนายทั้งสามหันกลับมารุมเล่นงานเธอทันทีว่า เพราะความเป็นตัวซวยของเธอทำให้เรื่องร้าย ๆ ต้องเกิดขึ้นในบ้านอยู่เสมอ คำแก้วเดินช้า ๆ ออกมาจากในงาน เธอพยายามสะกดความระทมขมขื่นที่มีอยู่เต็มอกอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มีอยู่ได้อีกต่อไป เธอทรุดตัวลงนั่งริมสวนแห่งนั้นและร้องไห้อย่างหนัก เมื่อไม่สามารถอดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

          เธอหลบหน้าผู้คนไปนอนพักผ่อนตอนบ่าย ระหว่างที่นอนหลับ เธอฝันเห็นหญิงสาวมากมายที่ตะเกียกตะกายร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา คำแก้วสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการแต่งตัวลงไปร่วมงานในตอนค่ำ ที่โต๊ะอาหารคำแก้วพยายามเอาอกเอาใจท่านเจ้าสัวด้วยการกอดจูบท่านต่อหน้า สาธารณะชน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่คิด ท่านเจ้าสัวโกรธมากที่เธอบังอาจทำเช่นนั้นต่อหน้าธารกำนัล เขาลุกขึ้นผลักเธอออกด้วยความรังเกียจและขยะแขยง

          หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนวันนั้น ท่านเจ้าสัวก็แทบจะไม่แตะต้องตัวเธออีกเลย คำแก้วรู้สึกแย่มากเมื่อคิดว่าตนเองต้องถูกปลดเกษียณด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น เธอจึงพยายามหาวิถีทางเพื่อความอยู่รอด การมีทายาทสืบสกุลนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด และเป็นวิธีการเดียวกับที่บรรดาคุณนายทั้งหลายใช้มาแล้วอย่างได้ผลจากคำบอก เล่าของโรส คำแก้วจึงใช้มารยาต่าง ๆ นานับประการทำให้ท่านเจ้าสัวกลับมาร่วมหลับนอนกับเธออีกครั้ง ครั้งนี้คำแก้วสามารถทำสำเร็จ แต่โลหิตสีแดงคล้ำที่ออกมาในวันหนึ่งนั่นคือสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ คำแก้วรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจทำแผนหลอกลวงตบตาทุกคนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งข่าวนี้สร้างความยินดีให้แก่ท่านเจ้าสัวเป็นอย่างยิ่ง ท่านกลับมารักใคร่และเอาอกเอาใจเธอดังเดิม คำแก้วรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเธอคือผู้ชนะอย่างแท้จริง แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน เมื่อกิมลั้งเด็กรับใช้แสนแสบเห็นผ้าอนามัยซึ่งเปื้อนคราบโลหิตลอยอยู่ใน ชักโครก เธอจึงคิดจะใช้มันเป็นเครื่องทำลายคุณนายที่สี่คนที่เธอเกลียดแสนเกลียดให้ พินาศในทันที คำแก้วเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้น แววตาที่ประสงค์ร้ายของกิมลั้ง ทำให้เธอบังคับให้เด็กรับใช้กินผ้าอนามัยผืนนั้นเข้าไป กิมลั้งจำต้องยอมทำตาม เธอกล้ำกลืนกินมันเข้าไปทั้งน้ำตา ต่อมาจึงเป็นที่โจษขานกันไปทั่วอาณาจักรตึกแดงแห่งนี้ว่า คุณนายที่สี่แม้อายุยังน้อย หากแต่จิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนัก

          เหตุการณ์ ในวันนั้นสร้างความขวัญหนีดีฝ่อให้แก่กิมลั้ง เธอจับไข้อยู่หลายวันจนเสียชีวิตในที่สุด คำแก้วรู้สึกสับสนและหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่หลายวัน ระหว่างนั้นเธอเริ่มสนิทกับโรสและไว้วางใจให้เป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษาที่ ดีเสมอ แต่โรสก็ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านนัก เธอเป็นคุณนายเพียงคนเดียวที่ชอบออกจากบ้านไปดูงิ้ว เล่นไพ่ตามที่ต่าง ๆ แถมยังแอบคบชู้สู่ชายอีกด้วย นายแพทย์ทรงชัย หรือ นายซุ่นไช้ เจ้าของร้านขายยาจีนรูปหล่อคือชู้รักของเธอ โรสมักแอบลอบมาพบปะเขาเสมอ ทั้งสองวางอนาคตด้วยกันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้พาโรสหนีจากคฤหาสน์ตึกแดง นั่น โรสเคยชวนคำแก้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนบ้างในบางครั้ง หนึ่งในหลายครั้งเธอชวนคำแก้วไปดูเธอเล่นไพ่นกกระจอก ทำให้คำแก้วได้ล่วงรู้ความจริงว่าโรสและนายแพทย์ทรงชัยเป็นอะไรกัน เมื่อเธอก้มไปหยิบไพ่นกระจอกที่บังเอิญหล่นลงไปใต้โต๊ะ และได้เห็นขาคู่หนึ่งเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างเหนียวแน่น คำแก้วพยายามเตือนโรสว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นจริงไป ได้ มันทำให้โรสโมโหมาก เธอด่าทอคำแก้วอย่างรุนแรง และไม่ให้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธออีก

          โรสหญิงสาวอดีตนางเอกคณะอุปรากรจีนเก่า เธอผ่านเรื่องราวแห่งชีวิตในเชิงละครมามากมาย จนหลงคิดว่าตนเองนั้นคือนางเอกตลอดกาล ทั้งที่แท้จริงแล้วความจริงในชีวิตหาเป็นเช่นนั้นไม่ และเรื่องราวการคบชู้สู่ชายของเธอก็หาได้รอดสายตาเล็กแหลมประดุจเหยี่ยวคู่ หนึ่งไปได้

          คำแก้วรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเต็มทน เมื่อโรสเพื่อนเพียงคนเดียวมักไม่ค่อยอยู่ไม่มีเวลาว่างจะพบปะพูดคุยกัน เธอเริ่มหันมาสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเมามายเป็นประจำทุกค่ำคืน วันหนึ่งเธอต้องแปลกใจมากที่พบว่า ผู้ที่เปิดประตูห้องเข้ามาหาเธอนั้นคือคุณชายใหญ่หรือคุณก้องเกียรติแห่ง อาณาจักรตระกูลเชงนี้เอง ก้องเกียรติเข้ามาเพื่อที่ดูแลคำแก้วด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อีกทั้งยังมาเพื่อสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่มีต่อเธอมานานแสนนาน อีกด้วย มันคือความจริงที่ราวกับความฝันไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ คำแก้วร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและเริ่มดื่มเหล้าเมามายอีกครั้ง คำแก้วหลับและฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่ากลัวมากมาย เธอสับสน หวาดกลัว และมึนงงกับเรื่องราวต่าง ๆ จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวใด ๆ ได้อีกต่อไป ยามบ่ายเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงด่าทออย่างรุนแรงอยู่ตรงทางเดินห้อง รักต้องห้ามของโรสพบจุดจบวันนี้เอง เมื่อเยนหลิงได้นำคนไปลากโรสกลับมาจากรังรักของเธอและนายแพทย์ทรงชัย โรสร้องไห้แทบขาดใจพร้อมทั้งด่าทอและขู่อาฆาตเยนหลิงอย่างรุนแรง มีเพียงความสะใจและสาสมแก่ใจจากแววตาของเยนหลิงเท่านั้น ในวันนี้เธอสามารถเด็ดแม่ดอกกุหลาบงามดอกนี้ไม่ให้ชูคออยู่บนต้นเป็นเสี้ยน หนามให้แก่เธอได้อีกต่อไป คำแก้วหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย สติสัมปชัญญะในการรับรู้เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที

          เที่ยงคืนเสียงเพลงอุปรากรจีนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงแหลมสูงหวานเสนาะบ่งบอกถึงความโศกเศร้าล้ำลึก สุดแสนอาลัยความรัก ความหวังซึ่งสูญสลายอย่างไม่มีวันกลับคืน ปลุกคำแก้วให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแหวกม่านหน้าต่าง และเห็นโรสกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงามเป็นภาพครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกชายร่างกำยำหามเธอไปและเหวี่ยงลงสู่บ่อนรกนั่น ภาพที่เห็นทำให้คำแก้วหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะกรีดร้อง เธอวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักส่วนตัวของบุตรชายคนโตของสามีทันที ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีปลาสนาการไปจนหมดสิ้น เธอสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความอดทนซึ่งบอบบางดุจใยแมงมุม คำแก้วไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปในอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเต็มไป ด้วยอำนาจมืด บัดนี้เธอรู้แจ้งแล้วว่าความตายลึกลับของหญิงสาวในอดีตเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการตายเอาดาบหน้า

          คุณก้องเกียรติชายผู้เดียวที่เธอรักและรักเธอ หากแต่เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้หัวใจเธอเย็นเยียบและเหน็บหนาวยิ่งกว่าสิ่งใด ภาพชายสองคนเปล่าเปลือยและกอดกระหวัดกันบนเตียงนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนึ่งนั้นคือคนที่เธอสุดรัดสุดบูชาตลอดมา ส่วนอีกชายหนึ่งนั้นคือครูสอนดนตรีสหายสนิทของเขานั่นเอง เธอปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ใจแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

          เสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงเมื่อสติสัมปชัญญะซึ่งเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ขาดลง ทำให้เชงสือ เกียงต้องรีบเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือคุณนายวัยเยาว์ของเขากำลังดึงทึ้งผมตนเองอยู่อย่างรุนแรง ปากก็บ่นพึมพำเพียงคำว่า...ฆาตกร...เขาเข้าไปปลอบประโลมและพยายามเรียกความ ทรงจำเธอให้กลับคืนมา แต่อนิจจา...ทุกอย่างไม่กลับคืนมาดังเดิมอีกต่อไปแล้ว

          หลาย เดือนผ่านไป เชงสือเกียงกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมคุณนายแหม่มคนใหม่ อำนาจเงินบันดาลให้เขากลับมาหนุ่มแน่นได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้ง ด้วยฝีมือแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา บ่อยครั้งที่คุณนายแหม่มของท่านเชงจะเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวชุดวิวาห์วนเวียนแหวกกอไม้ดอกกอแล้วกอเล่า หล่อนมักพึมพำกับตัวเอง "มงกุฎดอกส้มของฉันหายไปไหน...ช่วยหามงกุฎดอกส้มให้ฉันที..." ... อนิจจา ... ไม่มีใครช่วยหล่อนเสาะแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต … ... ไม่มีใครได้ยินคำพร่ำวอนของคำแก้วเลย... ติดตามชม ละครมงกุฎดอกส้ม ได้ทุกวัน พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครมงกุฎดอกส้ม เริ่มตอนแรก วันพฤหสบดีที่ 9 ธันวาคม 2553

รายชื่อนักแสดงนำในละคร มงกุฎดอกส้ม

ฉัตรชัย  เปล่งพานิช   รับบท   เจ้าสัวเชงสือเกียง   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
จริยา  แอนโฟเน   รับบท   เม่งฮวย / เมีย 1   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
รินลณี  ศรีเพ็ญ   รับบท   เยนหลิง / เมีย 2   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
ณัฐริกา  ธรรมปรีดานันท์   รับบท   เหม่เกว่ (โรส) / เมีย 3   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
วนิดา  เติมธนาภรณ์   รับบท   คำแก้ว / เมีย 4   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
วิทยา  วสุไกรไพศาล   รับบท   ก้องเกียรติ   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
อภินันท์  ประเสริฐวัฒนกุล   รับบท   หมอทรงชัย   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
สุพจน์  จันทร์เจริญ   รับบท   เรืองยศ   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
มิณทิตา  วัฒนกุล   รับบท   กิมลั้ง   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
พิศมัย  วิไลศักดิ์   รับบท   อาอึ้ม   ในละคร มงกุฎดอกส้ม
ด.ช. รจนกร  อยู่หน้า   รับบท   เกียรติกร (เด็ก)   ในละคร มงกุฎดอกส้ม



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ครีมหมอจุฬา,ครีมจุฬาลักษมี กลูต้าไธโอน,กลูตาไธโอน,กลูต้าเจล,กลูต้าน้ำ,อาหารเสริมเพื่อผิวขาว,ครีมหน้าขาว,ครีมรกแกะ,เซรั่มรกแกะ,รกแกะเม็ด ,เซรั่มหน้าใส,กาแฟลดน้ำหนัก,กาแฟลดความอ้วน,ลิโซ่,สมุนไพรลดน้ำหนัก,reductil,รักษาผมร่วง